อยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อน....เพลงๆนี้ร้องกันได้แทบทุกคนในอยุธยา อยุธยาเป็นจังหวัดที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นจังหวัดเดียวที่ไม่มีอำเภอเมืองแต่เรียกว่าอำเภอพระนครศรีอยุธยา อยุธยาเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกทั้งอำเภอ สิ่งที่น่าสนใจในอยุธยามีอยู่หลายอย่าง ได้แก่โบราณสถาน ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิม วัดวาอาราม สถานที่ท่องเที่ยว อาหารการกินฯลฯ เป็นที่สนใจเลื่องลือกันไปทั้งคนไทยและต่างชาติ อยุธยาจึงมีสิ่งที่น่าสนใจและกิจกรรมให้ทำหลายหลากดังนี้
เที่ยวชมโบราณสถานพิพิธภัณท์
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อยุธยา ราชธานีแห่งที่ ี่ 2 ของไทยที่มีอายุยาวนานถึง
417 ปี
เป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญของชนชาติไทย โบราณสถานต่างๆ
ที่ปรากฏในอุทยาน ประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
ไม่ว่าจะเป็นวัดมงคลบพิตร พระราชวังโบราณ วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดพระราม วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ
และ เพนียดคล้องช้าง ล้วนเป็นหลักฐานทางอารยธรรมซึ่งแสดงถึงระยะเวลาอันสงบสุข
และเป็นปึกแผ่น ที่ยาวนานที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์เอเชียอาคเนย์
อำนาจทางการเมืองอันมั่นคงและซับซ้อน ความมั่งคั่งทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ
ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้านและประเทศตะวันตก อาทิ ปอร์ตุเกส
สเปน ฮอลันดา อังกฤษ และฝรั่งเศส
เป็นประจักษ์พยานถึงความรุ่งเรืองและมั่นคั่งของอาณาจักรอยุธยา
ได้เป็นอย่างดี
พระราชวังโบราณหรือพระราชวังหลวง พระราชวังโบราณ
เป็นที่อยู่ของพระมหากษัตริย์และเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมืองและการปกครองในเวลาเดียวกัน
เมื่อแรกสร้างกรุงศรีอยุธยานั้นพระเจ้าอู่ทอง ( พ . ศ . 1893-1912)
ทรงโปรดให้สร้างพระราชวังขึ้นในบริเวณที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งวัดพระศรีสรรเพชญ์
วัดพระศรีรัตนศาสดารามแห่งกรุงเทพมหานครหรือวัดมหาธาตุแห่งกรุงสุโขทัย ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างพระราชมณเฑียรเป็นที่ ประทับที่บริเวณนี้ ต่อมาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงอุทิศบริเวณ พระราชมณเฑียรให้เป็นวัดภายใน พระราชวังและโปรดเกล้าฯให้สร้าง เขตพุทธาวาสขึ้น เพื่อเป็นที่สำหรับประกอบพิธีสำคัญต่างๆ จึงเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา
วิหารพระมงคลบพิตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปคุ้มขุนแผน วิหารพระมงคลบพิตรจะอยู่ถัดไป ไม่ไกลนักพระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.55 เมตรและสูง 12.45 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ องค์หนึ่งในประเทศไทย ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ราวแผ่นดินสมเด็จ พระบรมไตรโลกนาถ เมื่อพ.ศ.2145สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดเกล้าฯให้ย้ายจากทิศตะวันออกนอก พระราชวังมาไว้ทางด้านทิศตะวันตก ที่ประดิษฐานอยู่ในปัจจุบัน และโปรดเกล้าฯให้ก่อมณฑปสวมไว้ ในสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ ผ่าลงมาไหม้เครื่องบนพระมณฑปเกิดไฟไหม้ ทำให้ส่วนบนขององค์พระมงคลบพิตรเสียหายจึงโปรดเกล้าฯให้ซ่อมแซมใหม่ แปลงหลังคายอดมณฑป เป็นหลังคาพระวิหารธรรมดาแทน ในคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 วิหารพระมงคลบพิตรถูกไฟไหม้ รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้การปฏิสังขรณ์ใหม่ สำหรับบริเวณข้างวิหารพระมงคล บพิตรทางด้านทิศตะวันออกแต่เดิมเป็นสนามหลวง ใช้เป็นที่สำหรับสร้างพระเมรุพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ และเจ้านายเช่นเดียว กับท้องสนามหลวงของกรุงเทพฯ
วัดพระศรีสรรเพชญ์ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวิหารพระมงคลบพิตร เป็นวัดสำคัญที่สร้างอยู่ในพระราชวังหลวงเทียบได้กับ
ไหว้พระ ชมวัดวาอาราม วัดในอยุธยามีอยู่ 504 วัด ถ้าจะไปท่องเที่ยวไหว้พระ 9 วัด ก็สามารถทำได้ไม่ยาก แต่ในที่นี้จะแนะนำวัดที่สำคัญๆที่เมือไปอยุธยาแล้วต้องไปนมัสการ รวมถึงพระประธานที่ใครมาก็ต้องมาไหว้
วัดใหญ่ชัยมงคล (วัดเจ้าพระยาไท หรือวัดป่าแก้ว) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสักถ้ามาจากตัวเมืองข้ามสะพาน สมเด็จพระนเรศวร-มหาราช
แล้วจะเห็นพระเจดีย์วัดสามปลื้มอยู่กลางสี่แยก เลี้ยวขวาไปไม่ไกลก็จะเห็น ป้าย มีทางแยกซ้ายมือหรือหากมาทางถนนสายเอเซียเลี้ยวเข้าแยกอยุธยา แล้วพบพระเจดีย์ใหญ่กลาง ถนนก็เลี้ยวซ้ายวัดนี้ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าเมื่อพ.ศ. 1900 พระเจ้าอู่ทองทรงสร้าง
"วัดป่าแก้ว" ขึ้นตรงที่พระราชทานเพลิงพระศพ "เจ้าแก้วเจ้าไท"ในการสร้างวัดป่าแก้วครั้งนี้
ได้ทรง สร้างพระเจดีย์ขึ้นคู่กับ พระวิหารด้วย ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเสริม
พระเจดีย์ให้ ใหญ่และสูงขึ้นพร้อม ๆ
กับการสร้างเจดีย์ยุทธหัตถีที่ตำบลหนองสาหร่าย จังหวัด สุพรรณบุรี เพื่อเฉลิมพระ
เกียรติเมื่อคราวทรงชนะศึกยุทธหัตถี พระราชทานนามวัดใหม่ว่า "วัดชัยมงคล"
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดใหญ่ ชัยมงคล วัดนี้ร้างไปเมื่อคราวเสียกรุงครั้งสุดท้ายแล้ว เพิ่งจะตั้งขึ้นเป็นวัดที่มีพระสงฆ์อยู่จำพรรษาเมื่อไม่นานมานี้เองครับ
วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลคลองสวนพลู ริมแม่น้ำป่าสักทางทิศใต้ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมือง
ห่างจากตัวเมืองราว 5กิโลเมตร หรือเมื่อออกจากวัดใหญ่ชัยมงคล
ให้เลี้ยวซ้ายตรงไปตามถนนประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะเห็นวัดพนัญเชิงอยู่ทางขวามือ
วัดพนัญเชิงเป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร แบบมหานิกาย เป็นวัดที่มีมาก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง
ตามพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ซึ่งครองเมืองอโยธยาเป็นผู้สร้างขึ้นตรงที่พระราชทานเพลิงศพพระนางสร้อยดอกหมาก และพระราชทานนามวัดว่า“วัดพระเจ้าพระนางเชิง” หรือ "วัดพระนางเชิง"
วิหารพระมงคลบพิตร พระมงคลบพิตร เป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์ องค์ใหญ่องค์หนึ่ง ในประเทศไทย พระมงคลพิตรนี้
แต่เดิม อยู่ทางทิศตะวันออก นอกพระราชวัง สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม โปรดให้ชลอมาไว้ ทางด้านทิศตะวันตก ที่ ซึ่งประดิษฐานอยู่ในปัจจุบัน
และโปรดให้ ก่อมณฑปสวมไว้ ครั้งถึงแผ่นดิน สมเด็จพระเจ้าเสือ ยอด มณฑปเกิดไฟไหม้ เพราะอสุนีบาต
ทำให้พระศอ ของพระมงคลบพิตรหักตกลง
จึงโปรดให้ก่อสร้างใหม่ แปลงเป็นมหาวิหาร แทนเมื่อเสียกรุงครั้งที่ ๒ วิหารมงคลบพิตร
ถูกไฟไหม้ทรุดโทรม พระวิหารและองค์ พระพุทธรูป ได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่
ฝีมือไม่งดงามอ่อนช้อย เหมือนของเก่า บริเวณข้างวิหาร พระ มงคลบพิตร ทางด้านทิศตะวันออก
เดิมเป็นสนามหลวง ใช้เป็นที่สำหรับ สร้างพระมรุ พระบรมศพ ของ พระมหากษัตริย์ และเจ้านาย เช่นเดียวกับท้องสนามหลวง
ของกรุงเทพฯ
|
วิหารพระมงคลบพิตร
ล่องเรือ ชมเมืองทางเรือ การเดินทางมาอยุธยามีความสะดวกเป็นอย่างยิ่ง ทั้งทางรถยนต์ รถไฟ และเรือ โดยเฉพาะทางเรือมีคนสนใจเดินทางโดยวิธีนี้กันมาก เหมาะสำหรับการเดินทางแบบไม่รีบเร่ง ได้ชมบรรยากาศตั้งแต่กรุงเทพไปถึง อยุธยาเลยทีเดียว โดยเฉพาะชาวต่างชาติจะชอบเดินทางแบบนี้ ข้อดีคือได้ชมทิวทัศน์ไปด้วย 4จังหวัด คือกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และอยุธยา ดูเพิ่ม....>>
|
|
เรือหรูๆแบบเรือสำราญ |
|
ล่องกันตั้งแต่เช้ามืดกลับค่ำ |
|
เรือแบบถูกหน่อย |
ชุมชนโบราณ และปัจจุบัน
เที่ยวตลาดน้ำ
ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี
พะเนียดคล้องช้าง
ขี่จักรยานชมเมือง
อาหารการกิน
เทศกาล และ Events
หัตถกรรม ศิลปกรรม สินค้า OTOP ของฝาก
การคมนาคม ขนส่ง
ที่พัก ที่ประชุมสัมมนา
การเมือง การปกครอง และท้องถิ่น
แผนที่ และภูมิประเทศ